จากโฆษณายอดฮิตของ ทรู เรื่อง Giving is the best communication เป็นเรื่องของหมอที่ตอนเด็กยากจนแล้วพ่อค้าที่ขายก๋วยเตี๋ยวได้ช่วยเหลือค่ายาและค่าอาหาร ตอนหลัง พ่อค้าป่วยต้องรักษาในโรงพยาบาล มาเจอหมอคนนี้ หมอได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แทนทั้งหมด โดยบอกว่า พ่อค้าได้จ่ายค่ารักษาตั้งแต่หลายสิบปีก่อนแล้ว
จึงมีคำถามว่าเป็นเรื่องจริง หรือเรื่องแต่ง ทางทรูบอกว่า โครงเรื่องดัดแปลงมาจากสังคมออนไลน์ จึงมีการสืบค้นแล้วพบว่า ก่อนหน้านี้มีอีเมล์ส่งต่อ ๆ กันมาจากต่างประเทศ
ตัวอย่างอีเมลที่ส่งต่อ ๆ กันมา
นมสดหนึ่งแก้ว(ที่ประเมินค่าไม่ได้) มีชื่อเรื่องเป็นภาษาอังกฤษว่า Paid in full with one glass of milk
เมื่อหลายปีมาแล้ว ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เด็กชายเคลลี่ ซึ่งอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะยากจน เขาต้องหาเงินไปโรงเรียนเองด้วยการนำสิ่งของใส่กระเป๋าเดินไปขายตามบ้านที่อยู่ในเมืองใกล้เคียง
วันหนึ่งเขาพบว่าเมื่อจ่ายค่ารถและค่าสินค้าแล้ว
เขามีเงินในกระเป๋าเหลือเพียง 10 เซ็นต์ เท่านั้น ขณะนั้นเขากำลังหิวมาก
แต่เงินสดที่เขามีอยู่นั้นไม่พอที่จะซื้ออาหารแม้แต่เพียงมื้อเดียว
ดังนั้นเขาจึงคิดจะไปขออาหารจากบ้านที่กำลังเดินไปถึง แต่เมื่อกดกริ่ง หญิงสาวเจ้าของบ้านมาเปิดประตู
เขามีเงินในกระเป๋าเหลือเพียง 10 เซ็นต์ เท่านั้น ขณะนั้นเขากำลังหิวมาก
แต่เงินสดที่เขามีอยู่นั้นไม่พอที่จะซื้ออาหารแม้แต่เพียงมื้อเดียว
ดังนั้นเขาจึงคิดจะไปขออาหารจากบ้านที่กำลังเดินไปถึง แต่เมื่อกดกริ่ง หญิงสาวเจ้าของบ้านมาเปิดประตู
เด็กชายเคลลี่ กับเกิดความละอายใจที่จะขออาหารเหมือนกับขอทาน
เขาจึงขอเพียงน้ำเปล่าเพียงแก้วเดียวเท่านั้น แต่เจ้าของบ้านสาวสังเกตุเห็นท่าทางของเด็กชายเคลลี่ว่าคงจะกำลังหิว
เขาจึงขอเพียงน้ำเปล่าเพียงแก้วเดียวเท่านั้น แต่เจ้าของบ้านสาวสังเกตุเห็นท่าทางของเด็กชายเคลลี่ว่าคงจะกำลังหิว
เธอจึงได้นำเอานมสดแก้วใหญ่มาให้เคลลี่ดื่ม เด็กชายเคลลี่ดื่มนมอย่างกระหาย
จนหมดแก้วแล้วถามว่า “ผมต้องจ่ายเงินค่านมถ้วยนี้ให้คุณเท่าไหร่ครับ”
เจ้าของบ้านสาวตอบว่า “ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก แม่ของฉันสอนไม่ให้รับสิ่งตอบแทนจากการให้น้ำใจไมตรี” เคลลี่ซาบซึ้ งใจมากและตอบว่า
“ถ้าเช่นนั้น ผมขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง จากหัวใจของผมก็แล้วกันนะครับ”
ขณะที่เด็กชายเคลลี่ได้เดินออกจากบ้านหลังนั้น เขาไม่เพียงแต่รู้สึกว่ามีกำลังแข็งแรงขึ้นจากนมสดแก้วโตเท่านั้น
แต่เขาได้มีความเข้าใจในเรื่องของน้ำใจไมตรีเพิ่มขึ้นด้วย……
จนหมดแก้วแล้วถามว่า “ผมต้องจ่ายเงินค่านมถ้วยนี้ให้คุณเท่าไหร่ครับ”
เจ้าของบ้านสาวตอบว่า “ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก แม่ของฉันสอนไม่ให้รับสิ่งตอบแทนจากการให้น้ำใจไมตรี” เคลลี่ซาบซึ้ งใจมากและตอบว่า
“ถ้าเช่นนั้น ผมขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง จากหัวใจของผมก็แล้วกันนะครับ”
ขณะที่เด็กชายเคลลี่ได้เดินออกจากบ้านหลังนั้น เขาไม่เพียงแต่รู้สึกว่ามีกำลังแข็งแรงขึ้นจากนมสดแก้วโตเท่านั้น
แต่เขาได้มีความเข้าใจในเรื่องของน้ำใจไมตรีเพิ่มขึ้นด้วย……
อีก30 ปีต่อมา มีหญิงคนหนึ่ง ป่วยหนักด้วยโรคหัวใจ ซึ่งแพทย์ท้องถิ่นไม่สามารถรักษาได้
จึงส่งไปให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านโรคหัวใจทำการรักษา
เมื่อได้อ่านประวัติผู้ป่วยแล้ว….. แพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นได้สะดุดใจกับชื่อหมู่บ้านของผู้ป่วยคนนั้น จึงตั้งใจรักษาด้วยการผ่าตัดหัวใจอย่างพิเศษโดยใช้อุปกรณ์ทันสมัยที่สุด
และยาราคาแพงที่ดีสุด จนผู้ป่วยหายเป็นปกติพร้อมจะกลับบ้าน
จึงส่งไปให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านโรคหัวใจทำการรักษา
เมื่อได้อ่านประวัติผู้ป่วยแล้ว….. แพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นได้สะดุดใจกับชื่อหมู่บ้านของผู้ป่วยคนนั้น จึงตั้งใจรักษาด้วยการผ่าตัดหัวใจอย่างพิเศษโดยใช้อุปกรณ์ทันสมัยที่สุด
และยาราคาแพงที่ดีสุด จนผู้ป่วยหายเป็นปกติพร้อมจะกลับบ้าน
ผู้ป่วยมีความกังวลว่าค่ารักษาพยาบาลคงจะมีราคาแพงหลายหมื่นดอลลาร์
ซึ่งเธอเข้าใจว่าคงจะต้องทำงานทั้งชีวิตกว่าเธอจะหาเงินค่ารักษาพยาบาลได้
เพราะเธอไม่มีประกันสุขภาพ และยังไม่สามารถไปเบิกได้จากที่ไหนได้
แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญคนนั้น ได้บอกเจ้าหน้าที่แผนกบัญชี
ให้นำใบเก็บเงินไปให้เขา แล้วหมอก็ใช้ปากกาเขียนข้อความสองบรรทัด
แล้วยื่นให้เจ้าหน้าที่บอกให้ผู้ป่วยกลับบ้านได้
โดยไม่ต้องจ่ายเงินเลย ข้อความที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นเขียนในใบเรียกเก็บเงินนั้นมีว่า
“จ่ายค่ารักษาพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ด้วยนมสดหนึ่งแก้ว”
ลงนาม นายแพทย์ โฮเวอร์ด เคลลี่
ซึ่งเธอเข้าใจว่าคงจะต้องทำงานทั้งชีวิตกว่าเธอจะหาเงินค่ารักษาพยาบาลได้
เพราะเธอไม่มีประกันสุขภาพ และยังไม่สามารถไปเบิกได้จากที่ไหนได้
แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญคนนั้น ได้บอกเจ้าหน้าที่แผนกบัญชี
ให้นำใบเก็บเงินไปให้เขา แล้วหมอก็ใช้ปากกาเขียนข้อความสองบรรทัด
แล้วยื่นให้เจ้าหน้าที่บอกให้ผู้ป่วยกลับบ้านได้
โดยไม่ต้องจ่ายเงินเลย ข้อความที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นเขียนในใบเรียกเก็บเงินนั้นมีว่า
“จ่ายค่ารักษาพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ด้วยนมสดหนึ่งแก้ว”
ลงนาม นายแพทย์ โฮเวอร์ด เคลลี่
“ราคาของนมสดหนึ่งแก้ว” เป็นเหตุการณ์จริงที่เกี่ยวกับน้ำใจไมตรีในต่างประเทศ
เรื่องในอีเมล์ที่ส่งต่อ ๆ กันมาฉบับนี้ก็ยังไม่ยืนยันว่าจริงสรุป เรื่องจริง คือ Dr Howard Kelly เป็นหนึ่งในแพทย์สี่คนแรกของ John Hopkins University Hospital เป็นหมอสูตินรีเวช เค้าโครงมาจากเรื่องจริง แต่แต่งเติมไปเยอะ จริงๆตอนเป็นหมอแล้วชอบเดินทางไปโน่นไปนี่ แล้วระหว่างเดินทางเกิดหิวน้ำ ได้แวะบ้านแถวนั้นแล้วขอน้ำกิน แล้วมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเอานมมาให้ด้วย ต่อมาเด็กโตขึ้นมาเป็นคนไข้ Dr Kelly จ่ายบิลล์ให้ แล้วเขียนโน้ตไว้แทนบิลล์ว่า Paid in full with one glass of milk
เล่ากันว่าDr Kelly จะคิดเงินคนไข้ที่มีเงินแพงกว่าปกติ แต่รักษาฟรีให้คนไข้ยากจน (75%ของคนไข้เขารักษาฟรี)ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.snopes.com/glurge/milk.asp
No comments:
Post a Comment